วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Old Town

เมื่อมาภูเก็ต สถานที่ต้องแวะมาถ่ายรูป หรือเช็คอิน วันนี้แอดขอแนะนำ ที่แรกก่อนเลย
     ย่านรวมตึกเก่าโบราณสไตล์ชิโน-โปรตุกีส กับเสน่ห์ของตัวอาคารที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ตกแต่งด้านหน้าอาคารด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอย่างสวยงาม มีร้านขายผ้าปาเต๊ะ ผ้าลูกไม้ ร้านกาแฟ และอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังสามารถเดินชมซุ้มโค้งแบบโรมัน บานหน้าต่าง ช่องแสงลวดลายเรขาคณิตยุคอาร์ตเดโคสุดสวย
ในย่านเมืองเก่านี้มีตรอกเล็กๆ ที่รู้จักกันในนาม "ซอยรมณีย์" ที่อดีตเคยเป็นซอยแห่งความบันเทิงต่างๆ ปัจจุบันถูกตกแต่งด้วยสีสันสวยงามน่าถ่ายรูปสุด ๆ ปิดท้ายด้วย "อังมอเหลา" คฤหาสน์แบบนีโอคลาสสิก & เรอเนสซองส์ ของตระกูลนายเหมืองเก่า #phuketexclusivetravel #phuket
พิกัด : อำเภอเมือง บริเวณถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนเยาวราช ถนนพังงา และรอบ ๆ




Cr: kapook.com


Phuket

#phuketexclusivetravel #phuket

เมืองภูเก็ต


      เมืองภูเก็ต เป็นอีกจุดหมายของใครหลายคนที่ต้องการมาพักผ่อนแต่จะมีสักกี่คนที่จะทราบความเป็นมาของภูเก็ตกัน .... เรามาทำความรู้จักเมืองภูเก็ตแห่งนี้กันเถอะ
มีหลายกระแส บ้างก็ว่าภูเก็ตเป็นเกาะ ที่ค้นพบโดยชาวประมง แต่เดิมเรียกว่า “บูกิต” ซึ่งเป็นภาษามลายูแปลว่าภูเขา เพราะเมื่อมองจากทะเล จะเห็นเหมือนมีภูเขา โผล่ขึ้นกลางน้ำ แต่บางกระแส ก็ว่าภูเก็ตมาจากคำว่า “ภูเก็จ” แปลว่าภูเขาที่มีค่า ซึ่งคำว่าภูเก็จนี้มีบันทึก ในเอกสารเมืองถลางว่า ใช้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2328 มีฐานะเป็นเมือง ที่ขึ้นตรงต่อเมืองถลาง ซึ่งต่อมาคำนี้ได้เปลี่ยนเป็น “ภูเก็ต” โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังมีปรากฏอยู่ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 เป็นต้นมา โดยเริ่มเป็นที่รู้จักกัน ในฐานะ มณฑลภูเก็ต ในสมัยรัชกาลที่ 5 และเปลี่ยนมาเป็น จังหวัดภูเก็ต ในเวลาต่อมา #phuketexclusivetravel#phuket

Cr: kapook.com

Facebook: Phuket Exclusive Travel

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Samsung Galaxy S10 จะมาพร้อมจอแบบ Infinity-O และสแกนนิ้วมือแบบ ultrasonic

ข่าวของ Samsung Galaxy S10 ยังคงหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่ามันจะมาพร้อมกับชิปรุ่นใหม่ และล่าสุดมีข่าวของ Galaxy S10 ที่หลุดออกมาจาก twitter ของ Evan Blass ที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้
โดยข้อมูลล่าสุดของ Samsung Galaxy S10 ระบุว่าจะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-O ที่ทางซัมซุงเปิดในงานของนักพัฒนาก่อนหน้านี้ โดยจะเป็นหน้าจอมีรูด้านบนของหน้าจอที่ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้มันจะมาพร้อมกับ สแกนนิ้วมือแบบ ultrasonic อยู่ในหน้าจอ
นอกจากนี้ Galaxy S10 จะมาพร้อมกับกล้องสามเลนส์  มีเลนส์แบบปรกติ เลนส์ เทเล และแบบมุมกว้างมาให้ใช้งานด้วย และแน่นอนว่ามันมาพร้อมกับ Android 9 Pie ที่ครอบด้วย One UI
Cr: www.appdisqus.com

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Shooting Star Drones กว่า 1,400 ตัว

https://www.facebook.com/IntelThailand/videos/196368957955747/?t=6
มาจุดประกายบนท้องฟ้ากรุงเทพมหานครฯ ที่ ICONSIAM มาร่วมสัมผัสการผสมผสานระหว่างการถ่ายทอดเรื่องราวสุดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีอันแสนทันสมัย เรารับรองว่าคุณต้องทึ่ง

"เจ๊ติ๊กขนมจีนโคตรผัก"

30 บาทกินผักได้ทั้งสวน !! 
กับ "เจ๊ติ๊กขนมจีนโคตรผัก" ที่ยกผักสดๆและผักหายากมาให้กินแบบไม่อั้นhttps://www.facebook.com/GMM25Thailand/videos/974022146121378/?t=30

วิธีเปลี่ยนกระถางแคคตัส

https://www.youtube.com/watch?v=aoAmDdNgvFI

การปลูกกระบองเพชร เลี้ยงอย่างไรให้ออกดอก ด้วยวิธีการเลี้ยงและดูแลแบบง่าย ๆ ในบ้าน

1. ที่มาและความเชื่อ

          กระบองเพชร มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mila sp. ชื่อสามัญ Mila หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า แคคตัส (Cactus) มีข้อสันนิษฐานกันว่า เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นในยุค Tertiary ลักษณะของต้นกระบองเพชรในยุคนั้นมีลำต้น กิ่งก้าน และใบไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไป จนกระทั่งสภาพอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้กระบองเพชรต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเปลี่ยนรูปทรงของลำต้นให้มีขนาดเล็ก สูงเรียว สามารถเก็บน้ำได้มาก เปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำและป้องกันสัตว์มากัดกิน และหยั่งรากตื้นเพื่อให้จับน้ำในอากาศได้ง่าย จึงทำให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้แม้ที่แห้งแล้งอย่างทะเลทราย

          ต้นกระบองเพชรส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ก่อนขยายไปยังแอฟริกาและทั่วโลก ซึ่งบางสายพันธุ์นั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างเช่นในประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเรียกกระบองเพชรอื่นว่า โบตั๋น หรือ ท้าวพันตา เชื่อกันว่าการปลูกต้นกระบองเพชรทิศตะวันตกจะนำโชคลาภมาให้ โดยเฉพาะผู้ที่สามารถปลูกกระบองเพชรให้ออกดอกสวยงามได้ และยังช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภัยอันตราย และเป็นที่เกรงกลัวของศัตรูอีกด้วย 

2. ลักษณะ

          กระบองเพชร เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไป ลำต้นมีสีเขียวหรือเขียวคล้ำจากสารคลอโรฟิลล์ซึ่งใช้สังเคราะห์แสงแทนใบ มีทั้งทรงกลมเตี้ยและกระบอกสูง ขึ้นต้นเดี่ยวและแตกเป็นกอ 

          สำหรับลักษณะของหนามมีทั้งแบบหนามแข็ง ปลายตรงหรืองุ้ม และแบบเส้นอ่อนคล้ายขนสัตว์ โดยสีของหนามขึ้นอยู่กับสายพันธุ์หรืออาจเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ 

          ในขณะที่ดอกของกระบองเพชร แม้จะขึ้นได้ยาก แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่น ๆ มีทั้งสีแดง ชมพู ขาว และเหลือง มักออกดอกเดี่ยว ๆ ไม่มีก้านดอก 

          ส่วนของผลต้นกระบองเพชรก็มีหลากหลายรูปทรง ทั้งทรงกลม ทรงกระบอก รูปไข่ ผิวเปลือกเรียบ เป็นมัน เนื้อผลนุ่ม ใส คล้ายวุ่น มีหนามปกคลุมบางชนิด เมื่อผลแก่เต็มที่จะแห้งและร่วงลงดิน ในขณะที่ผลของบางสายพันธุ์เปลือกจะปริออกให้เมล็ดกระเด็นออกจากลำต้น 

3. สายพันธุ์ของกระบองเพชร 
          รู้ไหมคะว่ากระบองเพชรเป็นพืชที่มีสายพันธุ์มากกว่า 2,000 สายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่สามารถจำแนกเป็น 5 ประเภทหลักตามลักษณะของลำต้นได้ดังนี้

          1. กระบองเพชรที่มีลำต้นและใบแบน (Flat-stem) เช่น สกุล Opuntia, Zygocactus, Epiplyllum

          2. กระบองเพชรพวกที่มีลำต้นเป็นหัวกลม ๆ (Globular-stem) เช่น สกุล As­trophytum, Thelocactus,Mam- millaria

          3. กระบองเพชรพวกที่มีกิ่งก้านคล้ายต้นไม้ทั่ว ๆ ไป (Branching-stern) เช่น สกุล Myrtillocactus Cereus, Pachy- cereus, Nopalxochia

          4. กระบองเพชรพวกที่มีต้นเป็นกระจุกหรือต้นเล็ก ๆ เหมาะสำหรับปลูกในกระถาง (Small cacti) เช่น สกุล Echinopsis, Ariocarpus, Neobesseya

          5. กระบองเพชรพวกที่เป็นเถาเลื้อยไต่ตามต้นไม้ กำแพง  (Climbingcacti) เช่น สกุล Echinocactus, Cornegiea, Trichocereus

การปลูกต้นกระบองเพชร

4. การปลูกต้นกระบองเพชร
         การปลูกกระบองเพชรด้วยเมล็ด

          การปลูกกระบองเพชรด้วยเมล็ด ให้นำเมล็ดแก่หรือเมล็ดจากผลที่ปริแตก มาแช่น้ำ 2-5 นาที จากนั้นล้างเมือกออก แล้วตากแดดให้แห้งประมาณ 1-2 วัน พักไว้อีก 1-2 เดือน ค่อนนำมาปลูกลงในกระถาง  โดยใช้ทรายหรือดินร่วนผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในอัตรา 1:1 ส่วน ใส่ลงในกระถางพลาสติกเล็ก ๆ เพื่อทำการเพาะ ก่อนนำเมล็ดมาโรยแล้วเกลี่ยดินกลบเล็กน้อย ก่อนจะรดน้ำให้ชุ่มแล้วนำถุงพลาสติกมาหุ้มคลุมไว้ วางไว้ในที่มีแดดรำไร พร้อมกับเช็กเป็นระยะ หากดินแห้งให้หมั่นรดน้ำเป็นประจำ หากพบว่าเมล็ดงอกเป็นต้นอ่อนได้ 2-3 วัน ค่อยย้ายไปปลูกในกระถางใหญ่ หากต้องการปลูกในแปลงเพื่อทำแนวรั้ว ให้ผสมดินร่วนกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 3:1 แล้วขุดดินเพื่อปลูก ขนาดหลุมประมาณ 30x30x30 เซนติเมตร 

          การปักชำต้นกระบองเพชร

          วิธีการขยายพันธุต้นกระบองเพชรที่ง่ายและรวดเร็ว เลยเป็นที่นิยมกันมาก โดยเตรียมวัสดุปลูกเหมือนกับการปลูกในกระถาง จากนั้นนำต้นหรือกิ่งจากต้นแม่มาปักชำลงกระถาง วางไว้ในที่แดดรำไร และรดน้ำ 2 วันต่อครั้ง หลักงจากกิ่งชำติดแล้วลดเหลือ 3 วันต่อครั้งก็พอ เพราะเป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำน้อยแต่ต้องการต่อเนื่อง 

     

5. ต้นกระบองเพชรกับการดูแล

           แม้ต้นกระบองเพชรเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก แต่ก็ต้องการน้ำต่อเนื่อง ฉะนั้นเมื่อต้นโตเต็มที่แล้ว ควรหมั่นให้น้ำอย่างน้อย 7-10 วันต่อครั้ง บำรุงด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 5-6 ครั้งต่อปี หมั่นตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้ง สิ่งที่ต้องระวังในการปลูกต้นกระบองเพชรคือ ลำต้นเหี่ยว วีด มีรอยย่น และแคระแกร็น โคนโยก รากเน่าเพราะความชื้นสูงเกินไป แต่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชเหมือนต้นไม้ชนิดอื่น ๆ 

          ส่วนเคล็ดลับในการเลี้ยงต้นกระบองเพชรให้ออกดอกสำหรับการปลูกในบ้านก็คือ วางให้โดดแดดโดยตรงในช่วงที่กำลังโต ประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อวัน นอกเหนือจากนี้ก็วางกระถางในที่มีแดดรำไร และหมั่นรดน้ำเป็นประจำเมื่อหน้าดินแห้ง โดยรดน้ำให้ชุ่มหรือให้น้ำซึมลงไปจากหน้าดินประมาณ 2 นิ้ว นอกจากนี้ก็หมั่นใส่ปุ๋ยอย่าให้ขาด โดยเป็นปุ๋ยที่ใช้สำหรับบำรุงแคคตัสเท่านั้น หรือเป็นสูตรปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสกับโพแทสเซียมสูงแต่ไนโตรเจนต่ำ หากมีการเปลี่ยนกระถางไม่ควรรดน้ำทันที แต่ให้เว้นไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนให้น้ำครั้งต่อไป 

6. ประโยชน์ต้นกระบองเพชร

          - กระบองเพชรเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะแปลกตา สีสันสวยงาม หลาย ๆ คนจึงนิยมนำไปปลูกประดับบ้านหรืออาคาร เช่น ตั้งบนโต๊ะทำงานหรือวางตามมุมห้องต่าง ๆ 

          - ดอกและผลของต้นกระบองเพชรบางสายพันธุ์สามารถนำมารับประทานหรือประกอบอาหารได้ แต่ต้องกำจัดยางออกให้หมดก่อน 

          - น้ำมันในเมล็ดของผลกระบองเพชรสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางได้

          - สารสกัดจากต้นกระบองเพชรมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี ไฟเบอร์ อีกทั้งยังช่วยลดการดูดซึมไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย

          - หนามที่มีลักษณะแหลมคล้ายเข็มของกระบองเพชรสามารถนำมาเย็บแผลได้ แต่ต้องผ่านการฆ่าเชื้อที่สะอาดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

          - สามารถดื่มน้ำในลำต้นของกระบองเพชรแก้กระหายเมื่อขาดแหล่งน้ำ อย่างเช่น กลางทะเลทรายได้ 

 ใครที่เป็นแฟนตัวยงของต้นกระบองเพชรหรือต้นแคคตัสอยู่แล้ว หากได้ลองปลูกหรือขยายพันธุ์ต้นไม้เหล่านี้ด้วยตัวเองก็คงจะฟินไม่น้อย ส่วนใครที่เพิ่งเริ่มสนใจต้นแคคตัส จะลองปลูกด้วยวิธีที่นำมาฝากกันดูนะคะ 

Cr: kapook.com

เรื่องควรรู้ก่อนรับน้อง...มาเลี้ยง

https://www.facebook.com/tgifspace/videos/2297869640285506/?t=5

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ประวัติวันฮาโลวีน 31 ตุลาคม วันฮาโลวีน Halloween

"Trick or Treat !" คำฮิตติดหูประจำเทศกาลฮาโลวีน (วันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี) หลายคนรู้ว่า สัญลักษณ์ประจำฮาโลวีนต้องมีปาร์ตี้แต่งกายชุดภูตผีปีศาจ และต้องมีฟักทองเจาะหน้าตาแปลก ๆ ... แต่แล้วทราบหรือไม่ว่า ประวัติฮาโลวีน มีความสำคัญอย่างไร 

ความหมายฮาโลวีน และประวัติวันฮาโลวีน   

          ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eves ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำว่า Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำว่า Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)  

          คำว่า Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ ดังนั้น All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง   

          วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Christmas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไป หลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day) 

วันฮาโลวีน
ความเป็นมาของวันฮาโลวีน 

          วันฮาโลวีนของทุกปี จะตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม เชื่อว่ามีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์ (Celt) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่เรียกว่า Samhain ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม ชาวเซลท์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันขึ้นปีใหม่  

          ซึ่งในวันที่ 31 ตุลาคมนี่เองที่ชาวเซลท์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตายและคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเซลท์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย และยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดัง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป   

          นอกจากนี้คืนดังกล่าวยังเป็นคืนเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจมีการนำสัตว์ หรือพืชผลมาบูชายัญให้กับเหล่าภูติผี และวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับ และจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์  

          บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซลท์ แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน   

          ในสมัยต่อชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลองของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 จึงได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายน ให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม หรือ Hallow's Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween  

          กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสู่ร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนจึงกลายเป็นเพียงพิธีการแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาด ตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป 

วันฮาโลวีนจากอังกฤษสู่อเมริกา  

          เดิมเทศกาลฮาโลวีนจัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และประเทศข้างเคียงเท่านั้น แต่เมื่อชาวไอริช และชาวสกอต อพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกา ในช่วงทศวรรษที่ 1840 ก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนทุกวันนี้ 

วันฮาโลวีน 
กิจกรรมในวันฮาโลวีน  

          การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา และยังมีในออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ด้วย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน ในประเทศทางตะวันตก เด็ก ๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง เรียกว่า การเล่น Trick or Treat (หลอกหรือเลี้ยง) คือการเดินเคาะประตูขอขนมตามบ้าน 

          เคล็ดอีกอย่างหนึ่งของเทศกาลฮาโลวีน นอกจากเคาะประตูขอขนมตามบ้านต่าง ๆ แล้ว ยังมีการนำแอปเปิล กับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยการใช้ปากคาบเหรียญขึ้นมา และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียว ถือว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง  

          ทางด้านสาวอังกฤษสมัยก่อนจะออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน พร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า "เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหว่านจงช่วยบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของข้าปรากฏตัวให้เห็น" หลังจากนั้นลองเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตนเองดู ก็จะได้เห็นนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน (นี่คือความเชื่อของสาว ๆ อังกฤษ) 

การเล่น Trick or Treat   

          สำหรับประเพณี ทริค ออ ทรีท (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวัน "All Souls" พวกเขาจะเดินร้องขอ "ขนมสำหรับวิญญาณ" (soul Cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น  

          ประเพณีทริค ออ ทรีท ในสหรัฐอเมริกา คือ การละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็ก ๆ เฝ้ารอคอยในวันฮาโลวีน ตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทอง และตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) ในช่วงเดียวกันนั้น แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาว เหลือง ส้ม ในเม็ดเดียวกัน เรียกว่า Corn Candy และขนมอื่น ๆ ไว้เตรียมคอยท่า  

          ส่วนเด็ก ๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซี เป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) พร้อมกับถามว่า "Trick or Treat ?" เจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะตอบ Treat ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี (เด็ก) เหล่านั้น ราวกับว่า ช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ Trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ Treat เด็ก ๆ ด้วยขนมในที่สุด  

          ในสมัยโบราณมีการกล่าวขานกันว่าเด็ก ๆ ที่ไม่ได้ขนมจะแกล้งเจ้าของบ้าน เช่น ใส่ไข่ดิบในตู้จดหมายในคืนเทศกาลฮาโลวีน คนส่วนใหญ่จึงมีขนมและลูกกวาดเตรียมไว้เพื่อจะไม่ต้องโดนผี (เด็ก ๆ) แกล้ง  
           
          และที่ขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลฮาโลวีนเลย คือ การประดับประดาแสงไฟ และการแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟ เจาะทำตา จมูก และปากที่แสยะยิ้ม เรียกว่า แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern) 

วันฮาโลวีน
 
ตำนานแกะสลักฟักทอง แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)   

          ตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช กล่าวถึง แจ๊กจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ "ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก" แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ๊กตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ เพราะเขามีความคิดไปในทางของความชั่วร้าย ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธที่จะลงนรก เพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจไว้ ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อให้เขาใช้นำทางไปในทางที่มืดมิด และหนาวเย็น และแจ๊กได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น  

          ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอร์นิพ และใส่ไฟในด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง "การหยุดยั้งความชั่ว" Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน 

เครื่องดื่มวันฮาโลวีน   

          โดยธรรมเนียมแล้ว วันฮาโลวีน เป็นวันถือศีล และไม่ดื่มสุราหรืออาหารฟุ่มเฟือย อาจมีโซลเค้ก (Soul Cake) ซึ่งเป็นขนมตามธรรมเนียมดั้งเดิมของงานวันฮาโลวีน หรือ อาหารที่ไม่ใช่เนื้อ และเมื่อได้รับโซลเค้กให้สวดภาวนาแด่ผู้ล่วงลับเป็นการตอบแทน (อย่างไรก็ดี นี่เป็นละครในงานวัน "ฮาโลวีน" ไม่ใช่พิธีกรรม ดังนั้นการจัดงานเลี้ยงในบ้านเราคงจะต้องมีขนม, น้ำ และอาหารเป็นธรรมดา) 

Cr: kapook.com

Old Town